บทความที่ได้รับความนิยม

Mobile :: Lenovo เปิดตัวมือถือ 5.5

         Lenovo บริษัทด้านไอทีชื่อดัง เดินหน้าธุรกิจมือถือ-สมาร์ทโฟนต่อเนื่อง ไม่ยอมน้อยหน้าค่ายอื่นๆ ล่าสุดในงาน CES 2013 Lenovo เปิดตัว "IdeaPhone K900" มือถือรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ตอบรับกระแสมือถือหน้าจอยักษ์ที่คาดว่าจะมาแรงในปีนี้



"IdeaPhone K900" เป็นมือถือรุ่นล่าสุดของ Lenovo ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว Gorilla Glass 2 มีความละเอียด 1920 x 1080 พิเซล และมีความหนาแน่นของพิกเซลกว่า400 ppi, ขนาดความบางของ IdeaPhone K900 อยู่ที่ 6.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 162 กรัม ใช้สแตนเลสกับโพลีคาร์บอเนตเป็นวัสดุในการผลิตตัวเครื่อง ที่สำคัญ Lenovo ยังชูจุดเด่นของหน่วยประมวลผลที่ใช้ Dual-Core Intel Atom Processor 2 GHzในเครื่องอีกด้วย ทั้งนี้คุณสมบัติอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ที่ใช้เทคโนโลยีใกล้เดียวกับ Sony Xperia Z, มี RAM 2 GB, ความจุภายใน 16GB
นอกจากนี้ Lenovo ยังอ้างด้วยว่า "IdeaPhone K900" เป็นมือถือรุ่นแรกในตลาดที่ใช้ Intel Atom Processor ที่สามารถตอบสนองต่อกิจกรรมต่างๆ เช่น การเข้าใช้เว็บเบราวเซอร์และการเลือกใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ หากใครที่สนใจอยากสัมผัสตัวเป็นๆของ IdeaPhone K900 คงต้องติดตามข่าวกันต่อไปว่าจะมาเปิดตลาดในเมืองไทยเมื่อไหร่ แต่แว่วๆมาว่า Lenovo เตรียมเปิดตลาดในจีนในเดือนเมษายนนี้

Facebook !! ปล่อย Design ใหม่?


             Facebook กำลังเริ่มปล่อยคุณสมบัติการทำงานใหม่ที่ยังไม่ได้เคยมีการเปิดตัว หรือแจ้งให้ผู้ใช้ได้ทราบอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด นั่นก็คือ ดีไซน์ใหม่ของ Timeline ที่มีลักษณะเป็นแบบ"คอลัมน์เดียว" โดยผู้ใช้บางรายในจะได้มีโอกาสใช้คุณสมบัติการทำงานใหม่นี้แล้ว ซึ่งแหล่งข่าวอ้างว่า มันเริ่มมีการเปลียนแปลงเมื่อวานนี้ หนึ่งในแหล่งข่าวนามว่า Owen Williams ในนิวซีแลนด์ยังได้จับภาพหน้าจอ Facebook ที่ดีไซน์ให้ข้อความที่โพสต์บน Timeline มีคอลัมน์เดียว มาให้ได้ชมเป็นขวัญตากันด้วย ซึ่งดีไซน์ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ การขยายคอลัมน์ในการนำเสนอ status ที่อยู่ด้านซ้ายให้ใหญ่ขึ้นแทนที่จากเดิมจะแบ่งหน้าจอเป็นสองคอลัมน์เท่ากัน พร้อมทั้งเพิ่มแท็บเมนูตรงกลาง ซึ่งประกอบด้วย Timeline, About, Friends, Photos และ More

              นอกจากนี้จะเห็นว่า คอลัมน์ด้านขวาจะเล็กลง (แหงล่ะ ก็โดนเบียดจากคอลัมน์ทางซ้ายที่ใหญ่ขึ้น) และดูง่ายขึ้น โดย Friends box ตอนนี้ จะแสดงภาพเพื่อนๆ เป็นเมตริกซ์ 3x3 แทนที่จะเป็น 2x4 เหมือนแบบเดิม สำหรับคอลัมน์ทางขวาของดีไซน์ใหม่ที่ตอนนี้มันจะไม่ถูกใช้ในการแสดง status แล้ว แต่ก็จะมีการแสดงผลในส่วนของรายชื่อเพื่อน (list of friends) กิจกรรมล่าสุด (recent activity) และอัพเดทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีรายงานภาพความเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของ Timeline แหล่งข่าวได้พยายามติดต่อ Facebook เพื่อสอบถามในประเด็นนี้ แต่กลับได้รับคำตอบว่า ทางบริษัทยังไม่มีข้อมูลใดๆ จะแชร์ใหทราบ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด Facebook ได้ร่อนบัตรเชิญสื่อเข้าร่วมงานในสัปดาห์หน้า (วันที่ 15 มกราคม 2013) โดยไม่ได้บอกว่าจะเป็นการโชว์อะไรใหม่? ซึ่งในข่วงเวลาที่ใกล้กันนี้ของปีที่แล้ว Facebook ก็ได้มีการร่อนบัตรเชิญสื่อเหมือนกัน แต่ครั้งนั้นเป็นการประกาศความร่วมมือระหว่าง Facebook กับ Skype ในการให้บริการวิดีโอแชท

Camera :: Fujiflim ประกาศเปิดตัว Fujifilm X100s และ Fujifilm X20

                Fujifilm ประกาศเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ โดยกล้องที่น่าสนใจสำหรับปีนี้ได้แก่ Fujifilm X100s ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก X100 ตัวเดิม และ Fujifilm X20 พัฒนามาจากรุ่น X10 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ได้รับการโปรโมทว่าเป็นกล้องที่มีระบบออโต้โฟกัสเร็วที่สุดในโลก สำหรับจุดเด่นของ Fujifilm X100s อยู่ที่ระบบโฟกัสและเซ็นเซอร์ที่ให้คุณภาพไฟล์ในระดับยอดเยี่ยม ส่วน Fujifilm X20 ก็ได้รับการพัฒนาเรื่องของวิวไฟน์เดอร์ เลนส์และระบบโฟกัสเช่นกัน


           สำหรับ Fujifilm X100s มีการเพิ่มฟีเจอร์เจ๋งๆที่เรียกว่า Digital Split Image ที่เหล่ากล้องฟิล์มมือหมุนน่าจะชื่นชอบเพราะเป็นการนำเอาระบบโฟกัสแบบแมนนวลที่แบ่งภาพเป็นภาพเหลื่อมมาใช้ในการโฟกัส ใครที่สนใจกล้องของ Fujifilm อดใจรอกันอีกนิดคงได้สัมผัสกัน

Camera :: Canon Powershot N คอมแพกต์สายพันธุ์ใหม่



Canon Powershot N กล้องดิจิตอลคอมแพกต์รูปแบบใหม่ที่จะช่วยสร้างสรรค์การถ่ายภาพของคุณให้สนุกมาขึ้น กล้อง Powershot N มาพร้อมกับคุณสมบัติโดดเด่นเช่นหน้าจอแบบสัมผัสบิดพับได้ พร้อมดีไซน์ตัวกล้องแบบน่ารักเก๋ไก๋ แถมยังมีระบบซูมเลนส์แบบใช้มือหมุนวงแหวน แถมปุ่มชัตเตอร์ยังไปอยู่ที่บริเวณวงแหวนตัวเลนส์อีกด้วย




กล้อง Canon Powershot N ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองเทรนด์การแชร์ภาพถ่ายในสังคมออนไลน์ เพราะตัวกล้องมีฟังก์ชั่นในการแต่งภาพและมี Wi-Fi ในตัว ด้วยตัวเลนส์เทียบเท่า 28-224mm (8X) และเซ็นเซอร์ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล เพียงพอต่อการถ่ายภาพทั่วๆไป สามารถถ่ายภาพวีดีโอแบบ Full HD และหน้าจอขนาด 2.8 นิ้วที่สามารถควบคุมด้วยระบบสัมผัส ทั้งยังสะดวกในการถ่ายภาพมุมแปลกๆด้วยการบิดพับหน้าจอ และยังมี GPSในตัว








Mobile :: iPhone 6 กับ Design สุดเจ๋ง !!

           Design เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนความคิด (ที่สำคัญกว่าความรู้) ที่ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้ เช่นกับจินตนการของนักออกแบบรายหนึ่งที่ได้จับเอา iPod Nano รุ่นล่าสุดกับ Nokia Lumia มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันจนกลายเป็นไอเดียในการออกแบบ "iPhone 6" ถึงแม้มันจะเป็นแค่จินตนาการ แต่ก็ต้องขอชมว่า ออกแบบมาได้น่าใช้มากๆ คร้าบแนวคิดของอุปกรณ์รุ่นใหม่จาก Apple ออกแบบโดยกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ นามว่า "Federico Kikkares"จาก CiccaresDesign ได้ผนวกเอาคุณสมบัติจาก iPod Nano รุ่นล่าสุด กับดีไซน์ของ Nokia Lumia ผสมผสานกันจนกลายเป็น iPhone 6 จากการสังเกตเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าตัวเครื่องจะมีลักษณะที่น่าจะเป็นอะลูมิเนียม เฉดสีเทามันวาว ขนาดของตัวเครื่องละม้ายคล้ายกับ Nokia Lumia, มีลำโพงอยู่ล่างสุดของเครื่อง คั่นกลางด้วยพอร์ต Lightning แถมยังไม่มีปุ่ม home อีกตังหาก
ที่สำคัญดีไซน์ใหม่ของ iPhone 6 ที่ไม่เฉพาะตัวเครื่องเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงระบบปฏิบัติการใหม่ที่ Federico Kikkares เชื่อว่า Apple จะจับเอา "iOS" บน iPhone มารวมร่างกับ "OS X" นอกจากนี้การเล่นข่าวของสื่อต่างประเทศยังรายงานเพิ่มว่า iPhone 6 จะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ของหน้าจอที่ทนทาน, ความละเอียดสูง, มีความบางเบาอีกด้วย

     ดูแล้วเป็นไอเดียที่สุดยอดแท้ แต่สำหรับท่านที่คาดหวังกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้คงต้องฝันกันไปก่อน เพราะในความเป็นจริงนั้นไม่มีใครรู้ได้ว่า iPhone 6 หรือจะเป็น iPhone 5S หรือ จะ New iPhone จะออกมาในรูปแบบใด นอกจากแต่ว่าคุณจะเป็นหนึ่งในทีมออกแบบของ Apple  :))

เพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย 5 วิธีง่ายๆ

 เพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย 5 วิธีง่ายๆ    
     ไวไฟ (Wi-Fi) ในบ้านไม่เอื้ออำนวยให้การอ่านข่าวบนไอแพด (iPad) ยามเช้าไหลลื่นหมือนกาแฟที่กำลังดื่มอย่างคล่องคอในขณะนั้น บทความนี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ในการที่จะปรับแต่งการใช้งานให้สัญญาณ Wi-Fi ในบ้านแรงขึ้น เพื่อการท่องเน็ตที่มีความสุขยิ่งขึ้น

สำหรับเทคนิคที่นำมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้จะมีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน
1. อัพเดทเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้  หากเราท์เตอร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ ไม่ได้ล่าสมัยจนเกินไป (ไม่เกิน 3 ปี) ระบบทั้งหมดน่าจะสนับสนุนการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน Wirelee-N ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมันเข้ากันได้ แนะนำให้ตั้งค่าของเราท์เตอร์เป็น N-mode only เพื่อให้ได้ความเร็ว และรัศมีครอบคลุมการใช้งานสูงสุด การคั้งค่าเป็น b/g/n เพื่อให้สนับสนุนการเชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าทีทำงานช้ากว่า หากพีซีทีใช้มาพร้อมกับการ์ดเชื่อมต่อด้วย Wireless-G แนะนำให้มารุ่นใหม่ที่เป็น Wireless-N มาใส่แทน อย่างไรก็ตาม การซื้อเราท์เตอร์ใหม่ที่ไม่สนับสนุน Wireless-N มีโอกาสที่มันจะไม่สนับสนุนการเข้ารหัสระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดด้วย ก่อนตั้งค่าเป็น Wireless-N แนะนำให้คุณตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตด้วยว่า เฟิร์มแวร์ของเราท์เตอร์ที่คุณใช้อยู่ได้รับการอัพเกรดให้ใช้ได้แล้ว หรือยัง? ลองตรวจสอบ และทำตามดูนะครับ แล้วคุณจะพบกับประสบการณ์ใหม่ในการท่องเว็บไร้สายภายในบ้านของคุณ


2. หาฮวงจุ้ยที่เราท์เตอร์สามารถให้สัญญาณได้แรงที่สุด เราท์เตอร์ไม่ได้เป็นแก็ดเจ็ตที่สวยหรูดูดี ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบวางมันหลบๆ ซ่อนๆ ไว้ แต่มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากๆ เพราะเราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์"ขี้ร้อน"และมันต้องการที่ทีมีอากาศถ่ายเทสะดวก ดังนั้นควรวางมันในที่เปิดโล่ง อย่างเช่น ตรงกลางบ้าน พยายามให้อยู่ห่างจากผนัง และสิ่งกีดขวาง อย่างเช่น ตู้เอกสารที่ทำจากหล็ก ไม่ควรวางเราท์เตอร์ให้เสาสัญญาณชิดติดกำแพง หรือออกไปนอกอาคาร เพราะจทำให้สูญเสียสัญญาณครึ่งหนึ่งที่ส่งออกไป แถมยังอาจจะกลายเป็นการสร้างจุดบอดของสัญญาณภายในบ้านซะด้วยซ้ำ ฮวงจุ้ยที่ดีทีสุดสำหรับการติดตั้งเราท์เตอร์คือ ที่สูงดีกว่าที่ต่ำ โดยเฉพาะบ้านสองชั้น ถ้าจะให้ง่ายหน่อยแนะนำให้คุณวางเราท์เตอร์ไว้เหนือชั้น หรือบนตู้สูง และไม่อยู่ชิดติดสิ่งกีดขวางที่อาจบล็อคสัญญาณได้


3.เปลี่ยนช่องสัญญาณ
 การส่งสัญญาณไวไฟก็จะคล้ายๆ กับการทำงานของสถานีวิทยุ เราท์เตอร์ไร้สายถสามารถส่งสัญญาณไปบนช่องที่แตกต่างกัน ซึ่งหากคุณและเพื่อนบ้านที่ใช้ไวไฟช่องสัญญาณเดียวกัน มันก็จะเกิดการแบ่งกันใช้เป็นธรรมดา ปัญหานี้อาจไม่เกิดขึ้นกับคุณหากเราท์เตอร์ที่ใช้มีคุณสมบัติการเปลี่ยนช่องสัญญาณโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่มี การปรับแต่งเลือกช่องสัญญาณทีมีการรบกวนน้อยสุดจะช่วยให้คุณได้สัญญาณไวไฟที่แรงขึ้น ลองศึกษาคู่มือ หรือค้นหาวิธีเปลี่ยนช่องสัญญาณ (Channel) ทีมีให้เลือก 1 - 11 แชนเนล จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเราท์เตอร์



4. ลดสัญญาณรบกวน นอกจากการอัพเดทเทคโนโลยีทีใช้ ค้นหาฮวงจุ้ยของเราท์เตอร์ที่เหมาะสม เปลี่ยนแชนเนลสัญญาณที่ไม่ไปชนกับใครแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความแรง และระยะในการส่งสัญญาณไวไฟให้กับเราท์เตอร์ของเราก็คือ การลดสัญญาณรบกวนการทำงานจากอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ความถี่ในย่าน 2.4GHz อย่างเช่น โทรศัพท์ไร้สายภายในบ้าน เครื่องส่งสัญญาณเตือนเด็กตื่น และอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ตลอดจนเตาอบไมโครเวฟ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งคลื่น 2.4GHz ที่แรงมาก จนรบกวนให้สัญญาณ Wi-Fi ของคุณสู้ไม่ได้ แนะนำให้วางเราท์เตอร์ห่างไกลจากอุปกรณ์เหล่านี้จะดีกว่า



5. ดูแลเน็ตเวิร์กให้ปลอดภัย สำหรับวิธีสุดท้ายที่จะช่วยให้สัญญาณไวไฟของคุณไม่ถูกแอบใช้โดยชาวบ้านจนอืดยืดยาดไปหมด เนื่องจากการ Home Wi-Fi จะมีการปล่อยสัญญาณออกไปนอกบ้าน หากคุณไม่ทำการตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้ อย่างเช่น การเข้ารหัส ซึ่งเราท์เตอร์ใหม่ๆ วันนี้จะได้รับผลกระทบต่อประสิทธิภาพความเร็วน้อยมาก แต่มันย่อมดีกว่า การโดนข้างบ้านแอบบใช้สัญญาณไวไฟของคุณ ท่องเน็ต โหลดบิต ดูยูทูบ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ แฮคเกอร์สามารถใช้เน็ตเวิร์กที่ไม้ได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัยขโมยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อได้ ในที่นี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ตั้งค่าการเข้ารหัสด้วย WPA2 และใช้พาสเวิร์ดที่แข็งแรง

Asus เปิดตัวกล่อง "Google TV"


ในงาน CES 2013 เอซุส (Asus) เปิดตัวอุปกรณ์กล่องเชื่อมต่อสัญญาณ Google TV ตามที่ได้เคยให้ข่าวไว้ก่อนหน้านี้ โดย Qube จะได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มาพร้อมกับอินเตอร์เฟซในการเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทั้งรายการสด ออนดีแมนด์ เว็บ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากตัวบ๊อกซ์แล้วยังมีรีโมทที่ควบคุมด้วยการเคลื่อนไหวตัวมัน หรือ motion control ให้อีกด้วย ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแอพฯ Mobile Remote ของ Asus จาก Play Store เพื่อเปลี่ยนมือถือ หรือแท็บเล้ตของคุณให้กลายเป็นอุปกรณ์ควบคุม Qube ระบบหน้าจอสัมผัสได้

สำหรับการใช้ Qube ควบคุมการใช้งานผ่านอินเตอร์เฟซ ผู้ใช้จะใช้การเลื่อนดูแต่ละหน้าของ"ลูกบาศก์"ทีหมุนได้ (คล้ายเกมรูบิคบนคอมพิวเตอร์) ซึ่งคุณสามารถเลือกซื้อสื่อที่ต้องการรับชมจากผู้ให้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Amazon Instant Video ที่มีภาพยนตร์ และรายการทีวีให้ชมมากกว่า 100,000 รายการ และ Google Play รวมถึงการท่องเว็บ และคุณสมบัติอื่นๆ ที่ใช้งานบน Google TV ในส่วนของคุณสมบัติภายในเครื่องจะทำงานด้วยโพรเซสเซอร์ Marvell ARMADA 1500 (แพลตฟอร์มเดียวกับ Google TV รายอื่นๆ) หน่วยความจำ 1GB และสตอเรจ 4GB พร้อม WebStorage อีก 50GB ภายนอกมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB ให้ 2 พอร์ต และ HDMI เพื่อเชื่อมต่อกับทีวีโดยตรง ส่วนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายด้วย Wi-Fi และรีโมทจะควบคุมด้วยบลูทูธ โดยในส่วนของรีโมทที่มาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY (ด้านหลัง)นอกจากจะควบคุมด้วยการเคลื่อนไหวได้แล้ว มันยังสนับสนุนการใช้คำสั่ง Voice Search เพื่อค้นหารายการที่ต้องการชมาได้อีกด้วย สนนราคาของเครื่องโดยประมาณอยู่ที่ 150 เหรียญฯ (ประมาณ 4,500 บาท)


Asus Qube media streamer with Google TV ces 2013




Mobile :: Sony Xperia Z สปีดเหนือระดับ

หลังมีข่าวมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่า Sony กำลังเดินหน้าพัฒนามือถือรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพในระดับ high-end ซึ่งไม่เพียงข่าวลือ แต่ยังมีภาพหลุดหลายภาพที่เล็ดลอดออกมาก่อนเปิดตัวจริงๆเสียอีก Sony Xperia Z หรือYUGA เป็นมือถือหน้าจอขนาด 5 นิ้ว มีระบบ HDR ในตัว ความละเอียด1920 x 1080 Full HD ขับเคลื่อนโดย Qualcomm Snapdragon 1.5 GHz S4 Pro Processor, RAM 2GB, รองรับระบบ 4G LTE , กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์ Exmor RS ช่วยการถ่ายรูปและอัดวีดีโอตอนเวลากลางคืนได้ดียิ่งขึ้น ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 (สามารถอัพเกรดเป็น 4.2 ได้ในอนาคต) ที่สำคัญตัวเครื่อง Xperia Z มีเทคโนโลยี Mobile BRAVIA Engine 2 สามารถกันน้ำได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที แถมกันฝุ่นได้ด้วย


ในงาน CES 2013 นี้ Sony มีกำหนดการที่จะเปิดตัว Xperia Z ในวันที่ 8 มกราคมนี้ แต่กลับมีคนพบตัวเครื่อง Xperia Z ในบูธของงานก่อนจะเปิดตัวเสียอีกไม่รู้ว่าทางทีมงาน Sony ตั้งใจไว้แต่แรกหรือไม่ ซึ่งนี่อาจทำให้ตอนเปิดตัวคงลดความน่าตื่นเต้นลงไปพอสมควร อย่างไรก็ตามเห็นสเปคคร่าวๆไปแล้วก็ต้องยอมรับเลยว่า Xperia Z เป็นมือถือรุ่นท็อปอีกรุ่นที่น่าสอยไม่ใช่น้อย สำหรับการวางจำหน่ายในท้องตลาด คาดว่าน่าจะเป็นราวๆเดือนมีนาคมนี้



Mobile :: หลุด Galaxy S4 !!

       ภาพหลุดตัวล่าสุดของ Samsung Galaxy S IV หรือเรียกสั้นๆว่า S4 ที่คาดกันว่ามาแน่ๆ แต่จะเปิดตัวในงาน CES 2013 นี้เลยรึเปล่า? หรือจะเป็นงาน Samsung Mobile Unpacked 2013 วันที่ 4 มีนาคมนี้ หรือไม่ ก็น่าลุ้น อย่างไรก็ตาม S4 จะมีอะไรที่แตกต่าง S3 และ Note 2 นอกจากหน้าจอที่คาดว่าจะใหญ่ขึ้น งานนี้คงต้องติดตามกันต่อไป


  หลังการเต้าข่าวของมือถือ-สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากฝั่ง Samsung ที่สื่อต่างชาติออกมาฟันธงว่าน่าจะเป็นSamsng Galaxy S IV หรือ S4 ตัวนี้แหละที่จะปรากฎสู่สายตาสาวกสมาร์ทโฟนให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันตั้งแต่ต้นปี 2013 โดยข่าวหลุดต่างๆนานาที่ออกมาอย่างต่อเนื่องของ Galaxy S4 ทำให้คนเสพข่าวอย่างเราๆใจจดใจจ่อว่า เมื่อไหร่จะถึงวันที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้จะเปิดตัวเสียที ซึ่งภาพหลุดรุ่นล่าสุดเผยให้เห็นถึงตัวเครื่องตัวเป็นๆ ที่อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นภาพแรกเลยก็ว่าได้ จากการสังเกตเบื้องต้น Galaxy S4 มีลักษณะภายนอกที่ค่อนข้างตรงกับภาพจำลองที่เคยเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ ทางด้านสีสันยังมีกลิ่นอายของ Galaxy S3 อยู่หน่อยๆที่เน้นไปที่เฉดสีขาว ส่วนอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงไปคือ การขาดหายไปของ "ปุ่ม home" อาจตีความได้ว่า Samsung จะเปลี่ยนมาใช้ปุ่มแบบ on screen แทน
สำหรับสเปคภายในคาดว่าจะมาพร้อม Android 4.2.1, CPU Exynos 5450 Quad-Core 2.0 GHz, RAM 2GB, หน้าจอ 4.99 นิ้ว Super AMOLED HD ความละเอียด 108o x 1920, กล้องหลัง 13 MP, กล้องหน้า 2 MP

 
ต้องติดตามกันว่า Samsung Galaxy S IV หรือ S4 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตัวแรกของ Samsung ประจำปี 2013 จะออกมาตรงกับการรายงานข่าวไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ใครที่เป็นแฟน Samsung ก็ห้ามพลาด !!


Load Balancing






อธิบายการทำงานของระบบ
จากเครื่อง Client ทำการร้องขอไปยัง WebServer โดยมี ScripLoadBalance ทํา การ redirect ไปยัง Server ที่มีการเข้าใช้บริการน้อยที่สุดสามารถตรวจเช็คได้จาก Database ที่มีการเก็บข้อมูลมาจาก Server 1, 2, n...แบบ Real Time

อุปกรณ์
1. Computer Server   จำนวน 2 เครื่อง
2. Computer Test   จำนวน 2 เครื่อง
3. Web Server Load Balance   จำนวน 1 เครื่อง
4. Switch   จำนวน 1 เครื่อง

ขั้นตอนการทำเว็บเซิฟเวอร์
1. คลิกที่ Start > Setting > Control Panel
2. ดับเบิ้ลคลิกที่ Add or Remove Program
3. คลิกที่ Add/Remove Windows Components
4. คลิกเลือกที่ Internet Information Services (IIS)
5. คลิกปุ่ม Next> เพื่อเริ่มติดตั้ง
6.กรณีระบบถามหาตัวติดตั้ง WindowsXP ให้คลิกปุ่มOKแล้วทำการ Browse หาแผ่น CD
 ติดตั้ง Windows XP ห้อง i386
7. คลิกปุ่ม Open, OK
8.ระบบบจะทำ การติดตั้ง IIS ดังรูป
9. คลิกปุ่ม Finish

การปรับแต่ง IIS
1. ทําการคลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Manage
2. คลิกที่ Services and Applications > Internet Information Services > Web Sites > Default Web Site
3. เริ่มปรับแต่งโดยการคลิกขวาที่ Default Web Site > Properties
4. แท็บ WebSite
• Description : ระบุชื่อเว็บไซต์ที่ต้องการเช่น www.ftim.kmutnb.ac.th
• IP Address : เลือก IP Address ที่ต้องการใช้เรียกเว็บไซต์ (หากต้องการให้เรียกได้ทุก IP ก็ เลือกเป็น All Unassigned)
• TCP Port : พอร์ตในการเรียกใช้เว็บไซต์ เลือกเป็น 80 กรณ๊ใช้ port 80 การเรียกเว็บไซต์ไม่จําเป็นต้องอ้างอิงพอร์ต เช่น http://192.168.1.5 (เบื้องหลัง เป็น http://192.168.1.5:80) กรณีต้องการเปลี่ยนพอร์ตอาทิ เปลย่ีนเป็น พอร์ต 81 ตอนเรียกเว็บก็เรียกเป็น http://192.168.1.5:81
5.แท็บ Home Directory
LocalPath : พาทที่ต้องการเก็บเว็บไซต์ปกตจิะเป็น Inetpub\wwwroot
[ ] Script source access : ต้องการให้มองเห็นสคริปต์ไฟล์
/ ] Read : อ่านไฟล์ได้
[ ] Write : เขียนทับไฟล์ได้
[ ] Directory browsing : ต้องการให้สามารถมองเห็นข้อมูลในไดเร็กทอรีได้
/ ] Log visits : มีการเก็บล็อกไฟล์ไว้
/ ] Index this resource : มีการเรียกหาไฟล์ index
6.แท็บ Document
เพิ่มไฟล์ Home Page หรือ ไฟล์หน้าแรกที่ต้องการเรียกใช้งานโดยการคลิกที่ปุ่ม Add
index.html > ภาษา HTML
index.shtml > ภาษา SHTML
index.asp > ภาษา ASP
index.aspx > ภาษา ASP.NET
ในการใช้งานจริงๆให้เพิ่มเฉพาะภาษาที่เราใช้งานในระบบเท่าน้ัน
เช่น กรณีใช้ภาษา ASP ก็ให้เพิ่ม index.html,index.asp
7. เมื่อปรับทุกส่วนเสร็จแล้วให้คลิกที่ปุ่ม OK
8. ทำการ Stop และ Start IIS 1 รอบ
9. เสร็จสิ้นการปรับแต่ง IIS

Mobile :: "สวิตช์ไฟ" ไร้สาย


          ในงาน CES 2013 ที่จะเริ่มในสัปดาห์นี้ เบลคิน (Belkin) เตรียมประกาศเปิดตัว WeMo Ligh Switch "สวิตช์ไฟ"ที่เชื่อมต่อไร้สายกับอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งควบคุมการเปิดปิดจากที่ใดก็ได้ผ่านแอพฯบนสามาร์ทโฟน Android ของคุณ...เจ๋งอ่ะ
         ต่อไปหากคุณลืมเปิดไฟตอนออกจากสำนักงานในยามค่ำคืน คุณไม่ต้องกลับมาที่ออฟฟิศ เพื่อจัดการเรื่องดังกล่าว เพียงแค่หยิบมือถือ หรือแท็บเล็ต Android สั่งรันแอพฯ แล้วเลือกหลอดไฟที่ต้องการเปิดให้ส่องสว่าง หรือปิดบางดวงที่ไม่จำเป็น เพียงแค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว หรือในกรณีที่คุณต้องกลับบ้านดึก แต่ต้องการเปิดไฟที่บ้านให้สว่างไว้ เพื่อความปลอดภัย ก็สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากจะ WeMo จะให้คุณสามารถเปิดปิดไฟจากที่ไหนก็ได้แล้ว มันยังมีออปชันใหัคุณตั้งเวลาการเปิดปิดได้อีกด้วย (ไม่ใช่แค่เตือนเท่านั้น) คราวนี้เวลาไปเที่ยว หรือไม่อยู่บ้านหลายวัน ก็เพียงแค่สั่งให้สวิตช์ไฟอัจฉริยะ Belkin WeMo จัดการเปิดปิด
ไฟตามที่กำหนดได้อย่างง่ายดาย 

           ก่อนหน้านี้ WeMo ของ Belkin จะสนับสนุนการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iOS เท่านั้น แต่ล่าสุด ทางบริษัทได้เพิ่มการสนับสนุนอุปกรณ์ Android เข้าไปด้วยแล้ว โดยจะเปิดตัวสวิตช์ไฟอัฉริยะดังกล่าวในงาน CES 2013 ที่ลาสเวกัส คาดว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ อืม...แม้แต่สวิตช์ไฟยังต้องฉลาดให้ทันกับอุปกรณ์อื่นๆ เลยนะเนีย ไม่งั้นตกเทรนด์

File Transfer Protocol : FTP ใน FreeBSD


การติดตั้ง ftp ใน freeBSD นั้น freeBSD มันติดตั้งมาให้แล้วเพียงแต่เราต้องไปเปิดสวิตซ์การทำงานให้กับมัน

#vi /etc/rc.conf

แก้ไขไฟล์ rc.conf โดยให้  inet_enable =“YES”
และทำการปิด Firewall โดยเพิ่ม # ไปในบรรทัด
#firewall_enable=“YES”
#firewall_type=“OPEN”




#vi /etc/inetd.conf

         แก้ไขไฟล์ inetd.conf ซึ่งเป็นไฟล์สำหรับเปิดให้บริการ service ต่างๆโดยเอา # ออกจาก           ftp  stream  tcp  nowail …



         การเชื่อมต่อจาก  client ไปยัง ftp server
โดยการใช้คำสั่ง  ftp ตามด้วย ip address ของ server
         จากนั้นใส่ username และ password ของ user ใน FreeBSD  หรือใช้ anonymous ในการ login  แล้วจะเข้าไปใน ftp server







        ทดสอบการส่งไฟล์ จากเครื่อง client ไปยัง ftp server โดยสร้างไฟล์ เช่น network.txt ไว้ที่ Drive C:
ใช้คำสั่ง put C:/network.txt
ในการส่งไฟล์ network.txt ไปยัง ftp server

การติดตั้ง DHCP บน FreeBSD








1. เริ่มจากค้นหา พอร์ตของ dhcp
freebsd# cd /usr/ports/ 

2. ค้นหาพอร์ตของ dhcp
freebsd# make search name=dhcpd 
Port: isc-dhcp3-server-3.0.5_2
Path: /usr/ports/net/isc-dhcp3-server

3. เข้าไดเรกทรอรี่ dhcp เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม
freebsd# cd /usr/ports/net/isc-dhcp3-server 

4. เลือกออพชั่น การติดตั้งโปรแกรม
freebsd# make config
Options for isc-dhcp3-server 3.0.5_2
[X] DHCP_PARANOIA add -user, -group and -chroot options
[ ] DHCP_JAIL add -chroot and -jail options
[ ] DHCP_SOCKETS use sockets instead of /dev/bpf (jail-only)
[ ] DHCP_LDAP add experimental LDAP backend support
[X] DHCP_LDAP_SSL support LDAP connection over SSL/TLS
[X] OPENSSL_BASE use the base system OpenSSL (required by TLS)
[ ] OPENSSL_PORT use OpenSSL from ports (required by TLS)
[ ] DHCP_LQ DHCPLEASEQUERY support used by Cisco uBR's
[ OK ] Cancel

5. ทำการติดตั้งโปรแกรม
freebsd# make 
freebsd# make install

6. สร้างไฟล์คอนฟิก dhcpd.conf
freebsd# cp /usr/local/etc/dhcpd.conf.sample /usr/local/etc/dhcpd.conf.sample 
หรือ
freebsd# touch /usr/local/etc/dhcpd.conf

7. กำหนดค่าคอนฟิกไฟล์
freebsd# pico /usr/local/etc/dhcpd.conf 
ddns-update-style ad-hoc;
option domain-name "yiu.edu";
option domain-name-servers 118.175.87.11, 203.113.24.199;
default-lease-time 6000;
max-lease-time 72000;
subnet 118.175.87.8 netmask 255.255.255.248 {
}
# This is a very basic subnet declaration.
subnet 172.30.2.0 netmask 255.255.255.0
{ range 172.30.2.20 172.30.2.250;
option routers 172.30.2.1;
option broadcast-address 172.30.2.255;
}
host server_controll {
hardware ethernet 00:04:e2:80:f7:f0;
fixed-address 172.30.2.254; } //เป็นการกำหนดค่า แจกไอพี แบบกำหนด


8. สร้างไฟล์จัดเก็บรายละเอียดไอพี ปกติมีมาให้เรียบร้อยแล้วครับ หากไม่มีก็ให้ทำ
freebsd# touch /var/db/dhcpd.leases 
freebsd# chmod 777 /var/db/dhcpd.leases

9. ตรวจสอบโปรเซส dhcpd
freebsd# ps ax | grep dhcpd 
22811 ?? Is 0:00.00 /usr/local/sbin/dhcpd 

10. เพิ่มคำสั่งใน /etc/rc.conf
freebsd# echo ‘dhcpd_enable="YES"’ >> /etc/rc.conf 

สามารถให้งานบริการ DHCP แล้วละครับ ลง reboot เครื่องสักรอบก็ได้ครับ 

freebsd# shutdown –r now




DHCP(Dynamic Host Configuration Protocol)




             คือ โปรโตคอลที่ใช้ในการกำหนด IP Address อัตโนมัติแก่เครื่องลูกข่ายบนระบบ ที่ติดตั้งTCP/IP สำหรับ DHCP server มีหน้าที่แจก IP ในเครือข่ายไม่ให้ซ้ำ เป็นการลดความซ้ำซ้อน เมื่อเครื่องลูกเริ่ม boot ก็จะขอ IP address, Subnet mark, หมายเลข DNS และ Default gateway

ตอนการเชื่อมต่อของเครื่องลููกกับ DHCP server

1. เครื่องลูกค้นหาเครื่อง DHCP server ในเครือข่าย โดยส่ง DHCP discover เพื่อร้องขอ IP address
2. DHCP server จะค้นหา IP ที่ว่างอยู่ในฐานข้อมูล แล้วส่ง DHCP offer กลังไปให้เครื่องลูก
3. เมื่อเครื่องลูกได้รับ IP ก็จะส่งสัญญาณตอบกลับ DHCP Request ให้เครื่องแม่ทราบ
4. DHCP server ส่งสัญญาณ DHCP Ack กลับไปให้เครื่องลูก เพื่อแจ้งว่าเริ่มใช้งานได้

ขั้่นตอนการทำงานของ DHCP
เครื่อง Client ทำการค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของDHCP Serverบนระบบเครือข่ายโดยการส่งแมสเซจ DHCPDiscover ออกไปบนเครือข่ายเพื่อร้องขอ IP Address 
DHCP Server จะค้นหาหมายเลข IP Address จากฐานข้อมูลในเครื่องเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน แล้วส่งแมสเซจ DHCPOffer กลับไปให้เครื่อง Client ที่ขอมา
เมื่อเครื่อง Client ได้รับหมายเลข IP Address แล้ว เครื่อง Client จะส่งสัญญาณตอบกลับ DHCPRequest มาให้ทราบ
DHCP Server จะส่งสัญญาณ DHCPAck กลับไปยังเครื่อง Client เพื่อให้เริ่มใช้งานได้ และ DHCP Server จะเก็บหมายเลข IP Address นั้นเอาไว้ไม่ให้ใครใช้


NAT : Network Address Translation



ก่อนอื่นมาเข้าใจกันก่อนว่า...

การสื่อสารในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จะมีการกำหนด IP Address ซึ่งเป็นหมายเลขที่ใช้สำหรับระบุตัวตนของผู้ใช้งาน (หมายเลข IP จะเป็นกลุ่มเลข 4 ชุด เช่น 202.153.148.21 เป็นต้น) ซึ่งแต่ละคนจะมีหมายเลข IP Address ไม่ซ้ำกัน อย่างไรก็ตามโดยปกติ IP Address ของคุณที่ได้รับเวลาเล่น internet ผ่านทาง ISP จะได้รับเป็นหมายเลขแบบสุ่ม
ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Internet มากมาย ทำให้ IP Address ที่แจกจ่ายให้นั้น ไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหา IP ไม่เพียงพอ สามารถทำได้โดยใช้วิธีการทำ Network Addrsss Translation (NAT) หรือการสร้างตารางการจับคู่ของ IP แบบสุ่ม (ตัวอย่าง : สมมุติว่าองค์กรมีคอมพิวเตอร์ 50 เครื่องที่ต้องการเล่น internet และมี Registered IP จาก ISP 2 หมายเลข การทำ NAT แบบสุ่ม จะมีการตรวจสอบว่า IP ใดว่างก็จะมีการใช้ IP นั้นๆ) สำหรับอุปกรณ์สำหรับทำ NAT สามารถทำได้จากอุปกรณ์ที่เรียกว่า Router หรือ Firewall

หลักการทำงานของ NAT

โดยทั่วไปในระบบเครือข่ายภายในองค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่มี Server เป็น Windows NT, 2000 server จะมีการกำหนด IP ภายในองค์กรที่เรียกว่า private IP เช่น 192.168.0.1 หรือ 10.0.0.1 เป็นต้น IP เหล่านี้จะเป็น IP จะไม่สามารถนำไปใช้งานในระบบอินเตอร์เน็ตได้ การทำ NAT จะเป็นการแปลง private IP ให้เป็น IP ที่สามารถใช้งานบนระบบอินเตอร์เน็ตได้ หรือที่เราเรียกว่า Registered IP

สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับ NAPT


จากรายละเอียดข้างต้น ยังไม่สามารถอธิบายความสามารถของการทำ NAT ได้ ดังนั้นขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NAPT : Network Address Port Translation โดยรายละเอียดแล้ว การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยใช้ช่องทางสื่อสาร TCP/IP จะประกอบด้วย
Source IP Address
Source Port
Destination IP Addrss
Destination Port


ซึ่งทั้งหมดนี้ รวมเรียกว่า Socket และตัว Socket นี้เองจะเป็นตัวกำหนดว่าการสื่อสารนั้นยังคงดำเนินการต่ออยู่หรือไม่ และเนื่องจากจำนวน port ใน Firewall จะมีจำนวน ports ถึง 65,535 (สำหรับ server 1024 ports) ดังนั้นจะมี ports คงเหลือ 64,511 ทำให้เราสามารถต่ออินเตอร์เน็ตภายในองค์กร โดยใช้ Registred IP เพียงไม่กี่หมายเลข และนี่คือความสามารถพิเศษในการใช้งานในส่วนของ NAPT นั่นเอง